ต้องขอย้อนเวลาไป 20 กว่าปีที่แล้ว การจัดรายการวิทยุของแต่ละคนก็จะมีรูปแบบที่แตกต่างกันเช่น เปิดเพลง การออกกำลังกาย สัมภาษณ์นักร้องนักแสดง พูดเรื่องหนัง ก็ไม่รู้ว่าอะไรโดนจิตโดนใจให้พี่ป๋องในช่วงนั้นเป็นดีเจสถานีวิทยุ
Smile Radio ได้ช่วงเวลาจัดรายการตั้งแต่เที่ยงคืนไปจนถึงตีสาม ซึ่งถ้าถามว่าเวลานั้นจะมีใครฟังก็คงมีพี่ยาม คนขับแท็กซี่ หรืออาจจะมีผีฟังด้วย
“ผมดันได้เวลาจัดรายการช่วงเที่ยงคืนถึงตีสาม ก็เลยต้องหาคอนเทนต์รายการไปเสนอเจ้านาย ก็เลยมานั่งคิดว่าช่วงดึกๆ มันน่าจะเป็นรายการอะไรได้บ้าง ถ้าไม่รับสายขอเพลง ก็อาจจะต้องเปิดเพลงคุยคนเดียวทำเหมือนที่คนอื่นเขาทำ ผมก็เลยอยากทำอะไรที่มันแตกต่างจากคนอื่น และตอนนั้นเรื่องที่ผุดขึ้นมาในหัวมันมีอยู่สองเรื่อง คือเรื่องผี และเรื่องทะลึ่งตึงตัง และมันเป็นสองเรื่องที่พูดคุยในช่วงกลางคืนน่าจะสนุก และบวกกับกับผมชอบสองเรื่องนี้เป็นการส่วนตัวด้วย แต่ในช่วงเวลาของยุคสมัยนั้นเรื่องทะลึ่งตึงตังเป็นเรื่องที่ออกอากาศยากลำบากมาก ไหนจะกลัวเดี๋ยวจะมีปัญหา มันเลยทำให้ผมเอนไปทำเรื่องผีดีกว่า”
“จริงๆ ปกติส่วนตัวเป็นคนชอบเรื่องผีมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ชอบดูหนังผี โตมากับละครผีคลาสสิกอย่างกระสือ ปอบ สางเขียว ห้องหุ่น ไหนจะตอนเที่ยวงานวัดก็ชอบบ้านผีสิงอีก ต้องบอกก่อนนะว่ารายการ The shock ไม่ใช่รายการวิทยุผีรายการแรก แต่รายการผีอื่นๆ ก่อนหน้านี้เขาอาจจะไม่ได้ตั้งใจทำกันอย่างเป็นจริงเป็นจังบ้างก็ค่อยห่างหายไปบ้าง แต่พอมาถึงในยุคผม ผมก็เลยรู้สึกเสียดายที่เรื่องผีมันจะค่อยๆ หายไปจากวงการวิทยุในยุคนั้น ก็เลยตัดสินใจตั้งใจทำมันอย่างจริงจังและในตอนแรกชื่อรายการมีชื่อว่า Smile Shock”
ตามที่ระบุไว้ในวิกิพีเดียหรือในโลกอินเทอร์เน็ต พี่ป๋องเริ่มจัดรายการ Smile Shock ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 ซึ่งตอนนี้ก็ผ่านมา 30 ปีแล้วรายการวิทยุที่พูดคุย เล่าเรื่องผีของพี่ป๋องยังคงหลอกหลอนคนฟังไม่มีรู้จักจบสิ้น
“ผมวิเคราะห์เล่นๆ แต่รู้สึกจริงๆ ว่าตราบใดที่มนุษย์เรายังคงมีการ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ยังไงเรื่องผีก็ยังอยู่คู่มนุษย์อย่างเราไม่มีวันหายไปจากโลกนี้แน่นอน”
“ผมเจอคำถามนี้บ่อยมาก เมื่อไหร่เรื่องผีถึงจะหมดไป ผมก็ตอบทันทีเลยว่าเมื่อไหร่ที่ไม่มีมนุษย์อย่างพวกเรานั่นแหละเรื่องผีก็ไม่น่าจะมี ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้แม้แต่เรื่องผีที่มีคนโทรเข้ามาเล่าให้ฟังต่อให้เป็นผีตนเดียวกัน เหตุการณ์และสถานที่ที่เดียวกัน แต่คนเล่าคนละคนกัน ด้วยน้ำเสียง เทคนิคในการเล่าต่างๆ มันไม่มีทางที่จะเหมือนกันหรือซ้ำได้หรืออย่างสถานที่ที่เกิดเหตุส่วนใหญ่ก็มีไม่กี่ที่เช่น โรงพยาบาล โรงแรมที่พัก คอนโด วัด ข้างทาง นับไปนับมามีโอกาสซ้ำสถานที่จำพวกนี้เยอะมากไม่น่าจะเกิน 10 สถานที่ได้ แต่กลับเกิดความมหัศจรรย์ที่มันมีเรื่องเล่าไม่เคยขาดสาย”
ดักจับความสำเร็จด้วยวิญญาณ
และอย่างที่ทราบกันอยู่แล้วว่าทุกวันนี้ THE SHOCK เป็นได้มากกว่ารายการวิทยุ มีทั้งละครเวที รายการโทรทัศน์ ภาพยนตร์การประกวดกิจกรรมต่างๆ
หรือแม้แต่ตอนนี้มีช่องรายการเป็นของตัวเองทางไลน์ทีวี ถึงพี่ป๋องนั้นจะไม่ใช่หมอผี แต่เขาเป็นคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ไทยที่ประสบความสำเร็จในการใช้เรื่องนี้ทำมาหากินเลี้ยงตัวเองได้
“ถามว่าพวกเรามาไกลไหม ต้องบอกเลยว่าไกลโคตรๆ ผมเป็นเด็กมัธยมที่จบด้วยเกรดเฉลี่ย 1.21 ไม่มีใบปริญญาบัตร เวลาไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่ได้กรอกในช่องความสามารถพิเศษอะไรเลยเพราะว่าไม่มี ว่ายน้ำก็ไม่เป็น ขี่มอเตอร์ไซค์ไม่เป็น ภาษาอังกฤษนี่ไม่ต้องพูดถึงเลยไม่ได้เรื่อง ไม่เชื่อตัวเองเลยจริงๆ ว่าจะพาตัวเองและ THE SHOCK มาจนถึงจุดนี้”
อนาคตของ ‘ป๋อง กพล ทองพลับ’
‘‘ผมคงตอบไม่ได้ว่าจะมีแพลนอะไรทำอะไรในอนาคต เพราะผมก็ได้ทำมันหมดแล้วจริงๆ อย่างละครเวที ที่ไม่เคยคิดไม่ฝันเลยว่าจะได้ทำก็ยังได้ทำซะงั้น หรืออย่างเรื่องหนัง ก็มีโปรเจคที่ทางTHE SHOCK ทำกับ แดน-วรเวช อีก แต่ก็ยังคิดที่จะทำอะไรที่แตกต่างออกไปเรื่อยๆ เพื่อทำให้ผู้ฟังตื่นเต้นไปกับเราด้วย’ ’